วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ล่องเรือเที่ยวชม เมืองบาดาล กาญจนบุรี






           เรียกได้ว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งใน ประเทศไทย ถ้าใครมีโอกาสต้องอยากแวะเวียนไปสัมผัสกับความงดงาม ที่แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์ของความอัศจรรย์อีกรูปแบบหนึ่ง จนถูกขนามให้เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ (Unseen Thailand) นั่นก็คือ เมืองบาดาล กาญจนบุรี หรือ วัดวังก์วิเวการาม ในอดีต

          ก่อนที่จะถูกน้ำจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้กลายเป็น เมืองบาดาล หรือที่หลายคนเรียกว่า วัดใต้น้ำ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี เพราะฉะนั้น วันนี้เราเลยจะชวนเพื่อน ๆ ไปนั่งเรือล่องชมความงามของธรรมชาติ พร้อม ๆ กับชมความมหัศจรรย์ของ เมืองบาดาล ซึ่งสามารถชมได้เฉพาะเวลาที่น้ำลงเท่านั้น!






           เมืองบาดาล ในอดีตเป็น วัดวังก์วิเวการาม ที่ หลวงพ่ออุตตมะ ชาวบ้านอพยพ ชาวกะเหรี่ยง และชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2496 ณ บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใกล้กับชายแดนไทย-พม่า ในบริเวณที่เรียกว่า "สามประสบ" ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสามสาย คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน แต่ต่อมาในปี 2527 มีการก่อสร้าง เขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้น้ำเข้าท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่า รวมทั้ง วัดวังก์วิเวการาม ด้วย

          หลวงพ่ออุตตมะ จึงได้ย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขา ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำมานานนับสิบปี และในช่วงฤดูแล้งราวเดือนมีนาคม-เมษายน น้ำลดจนสามารถสังเกตเห็นตัวโบสถ์ของวัดได้อย่างชัดเจน โดยสามารถนั่งเรือไปเที่ยวชมได้ แต่ในช่วงน้ำขึ้นน้ำจะท่วมสูงเกือบทั้งหมด เหลือเพียงยอดของโบสถ์ให้เห็นเท่านั้น ทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ ในชื่อ "เมืองบาดาล"





          ใครจะเชื่อว่าเมื่อน้ำลดจะปรากฎ เมืองบาดาล ทั้งเมืองให้เห็นความงดงามของพระอุโบสถ ถึงสภาพของวัดจะไม่สมบูรณ์เฉกเช่นเก่าก่อน แต่ยังคงคุณค่าและงดงามไม่เสื่อมคลาย นอกจากนี้ ใกล้ ๆ กันเพื่อน ๆ ยังพบกับวิถีชีวิตของชาวมอญ รวมถึงสะพานไม้ยาวสุดลูกหูลูกตา โดยชาวบ้านเรียกสะพานนี้ว่า "สะพานมอญ" ซึ่งจากบริเวณสะพานจะได้เห็นทิวทัศน์ภูเขาและพื้นน้ำโดยรอบ

          ที่เราเล่ามานี้อาจยังไม่สามารถบรรยายภาพความสวยงามได้หมด ถ้าอยากรู้ว่าจะอันซีนขนาดไหน ต้องลองไปเที่ยวชมพิสูจน์ เมืองบาดาล ด้วยตาตัวเองนะจ๊ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น