วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554
รื่นรมย์ชมพระราชวังพญาไท
รื่นรมย์ชมพระราชวังพญาไท
นั่งรถผ่านไปมาแถวถนนราชวิถีอยู่บ่อยครั้ง เห็นหลังคาโดมสีแดง ๆ ข้างโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าจนชินตา เวลารถติดก็เฝ้าครุ่นคิดว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร มีความสำคัญยังไงหนอ...จนวันหนึ่งมีคนถามว่า "รู้จักวังพญาไทแถว ๆ อนุสาวรีย์ชัยฯ ไหม..สวยมากนะ เค้าเปิดให้ชมฟรีด้วย" อ๋อ...ที่แท้ก็คือ "วังพญาไท" นั่นเอง ถ้างั้นจะช้าทำไม...ไปเดินชมวังกันดีกว่า
ฟัง คนรักวังเล่าอดีต
"พระราชวังพญาไทหรือนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า วังพญาไท เริ่มสร้างในรัชกาลที่ 5 แต่มาเสร็จสมบูรณ์ในรัชกาลที่ 6 เป็นสถานที่เสด็จแปรพระราชฐาน และที่ประทับของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5 จนเสด็จสวรรคต เคยเปิดเป็นโฮเต็ลพญาไทในสมัยรัชกาลที่ 7 แล้วจัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงด้วย สุดท้ายกลายเป็นโรงพยาบาลทหาร ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475" เสียงเจื้อยแจ้วของหนึ่งในสมาชิกชมรมคนรักวัง ที่อาสามาทำหน้าที่วิทยากร นำชมการเริ่มต้นความเป็นมาของสถานที่สำคัญนี้ให้ฟัง หลังจากฉายหนังเรื่องราวประวัติของวังไปก่อนหน้านี้
จากนั้นทริปรื่นรมย์ชมวังของเราก็เริ่มต้นขึ้น จากพระที่นั่งเทวราชสภารมย์ อาคารไม้สีเขียวด้านหน้าหมู่พระที่นั่ง งดงามด้วยความวิจิตรอ่อนช้อยในงานศิลป์เชิงช่างไม้ ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแบบไบเซนไทน์ อดีตนั้นใช้เป็นท้องพระโรงและบางครั้งก็เป็นโรงละคร มีจุดเด่นที่งานจิตรกรรมรูปคนและพรรณพฤกษา รวมถึงพระนามาภิไธย "สผ" หรือ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดงานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูวังพญาไท ให้สวยงามดังเดิม
ตาม รอยมัทนะพาธา
"รัชกาลที่ 6 ของเราเป็นกษัตริย์ศิลปิน ที่ทรงบทพระราชนิพนธ์ไว้หลายเรื่องค่ะ หนึ่งในนั้นคือ "มัทนะพาธา" ซึ่งเกิดขึ้นภายในหมู่พระที่นั่งนี้" ว่าแล้วเราก็เดินตามเสียงหวาน ๆ ขึ้นสู่หมู่พระที่นั่ง ที่ออกแบบและตกแต่งโดยช่างชาวอิตาเลียน เริ่มจากพระที่นั่งพิมานจักรี ซึ่งมียอดโดมสีแดงสะดุดตาแต่ไกล มีห้องธารกำนัลสำหรับเสด็จออกให้เฝ้า ห้องทรงพระอักษรใต้โดม ห้องทรงบรรทมในรัชกาลที่ 6 ตกแต่งลวดลายเพดานเป็นรูปพญามังกรตามปีพระราชสมภพ และรูปคัมภีร์บนใบลาน
ส่วนห้องของพระวรราชชายาซึ่งโปรดดอก กุหลาบ จะเห็นลวดลายกุหลาบบนผนัง และยังปรากฏในพระราชนิพนธ์มัทนะพาธาด้วย เดินต่อไปสู่พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถานโดดเด่นด้วยสไตล์โรมาเนสก์ มีห้องทรงงานที่เก๋ไก๋ด้วยประตูไม้สองมิติสำหรับเปิดกว้างบ้าง แคบบ้างตามอารมณ์ศิลปิน แล้วไปชมภาพเฟรสโก้หรือภาพเขียนสีปูนแห้งบนเพดาน ในห้องบรรทมชั้น 3 วาดรูปเทพน้อย 4 องค์พร้อมเครื่องดนตรีดีด สี ตี เป่า ล่องลอยบนปุยเมฆในท้องฟ้าคราม ขณะที่ภายในพระที่นั่งศรีสุทธินิวาส ก็มีภาพเขียนสไตล์อาร์ตนูโว เป็นภาพชายหญิงและแกะบนฝ้าเพดาน งดงามไม่แพ้กัน
ลัด เลาะชมสวนโรมัน
เมื่อเดินออกจากหมู่พระราชวัง สามารถไปนั่งจิบกาแฟได้ที่ร้านกาแฟนรสิงห์ ซึ่งดัดแปลงจากอาคารเทียบรถพระที่นั่ง ส่วนด้านหลังมีเรือนไม้สักริมน้ำ คือพระตำหนักเมขลารูจี ใช้เป็นที่สรงน้ำหลังจากทรงเครื่องใหญ่ (ตัดผม) และเคยเป็นเรือนประทับชั่วคราวครั้งก่อสร้างพระราชวัง
เมื่อเดินอีกหน่อยจะพบสวนโรมันยุคเรอเนสซองซ์ ใต้หลังคาโดมประดับโมเสกสีทอง เสาคอริเทียนกลางสระมีรูปพระวรุณหรือเทพแห่งฝนและน้ำ ฐานรองรับด้วยรูปปั้นพญานาค เป็นผลงานหล่อทองแดงโดย คอร์ราโด เฟอโรชี หรือ ศ.ศิลป์ พีระศรี ก่อนเข้ามาอยู่เมืองไทย
ปิดท้ายทริปชมพระราชวังด้วยการไปสักการะ ท้าวหิรัญพนาสูร ซึ่งตามตำนานว่าเป็นอสูรผู้ติดตามอารักขารัชกาลที่ 6 มาแต่ครั้งทรงเป็นมกุฎราชกุมาร จึงโปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปสมมติ แล้วอัญเชิญเป็นเทพารักษ์ประจำพระราชวัง ปัจจุบันเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวหมอพยาบาล ตลอดจนผู้ป่วยที่มารักษาตัวในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าแห่งนี้
Fast Facts
การเดินทาง : พระราชวังพญาไทอยู่ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถนนราชวิถี เขตราชเทวี สามารถเดินทางไปได้ง่าย ๆ และประหยัดด้วยการขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีอนุสาวรีย์ฯ แล้วเดินอีกนิดไปตามถนนราชวิถีก็จะถึงโรงพยาบาล
วันและเวลาเข้าชม : เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. โดยจะมีวิทยากรน่าชมวันละ 2 รอบ คือเวลา 09.30 น. และ 13.00 น.
สอบถามรายละเอียด หรืออยากสมทบทุนบูรณะวัง ติดต่อที่ชมรมคนรักวัง โทรศัพท์ 0-2354-7987, 0-2374-7732 ต่อ 93646, 93694
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น